ที่มา : หนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์ ปีที่ 20 ฉบับที่ 7229 ประจำวันจันทร์ที่ 02 พฤษภาคม 2554
"ผึ้ง" เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ที่มีประโยชน์อันอัศจรรย์ ต่อมนุษยชาติมากมายยิ่งนัก "ผึ้ง" กลายเป็นแมลงเศรษฐกิจที่สามารถสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยหลายพื้นที่ ซึ่งมีการเลี้ยงผึ้งเพื่อผลิตน้ำผึ้ง (Honey) เกสรผึ้ง (Bee Pollen) และพรอพอลิส (Propolis) สู่ตลาดและผู้บริโภคที่รักและใส่ใจในสุขภาพ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพราะกระแสการดูแลสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาแรงมากในปัจจุบัน
คนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการรับประทานผลิตภัณฑ์ผึ้งมาแต่ช้านานแต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าการบำบัดด้วยผึ้งแบบองค์รวมนั้น ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ซึ่งการบำบัดด้วยผึ้งแบบองค์รวม คือศาสตร์ การผสมผสานวิทยาการผึ้งบำบัด (Apitherpy) เป็นการใช้ผึ้งต่อยโดยพิษจากเหล็กในผึ้ง (Bee Venom) จะไปกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกายควบคู่กับการรับประทานผลิตภัณฑ์ผึ้ง (Bee products) เพื่อปรับและคงความสมดุลของร่างกายเป็นการบำบัดจากภายใน
"ผึ้งบำบัด" เป็นการใช้พิษจากเหล็กในผึ้ง ซึ่งเป็นการปวดตัดปวด เป็นการบำบัดที่ช่วยบรรเทาและรักษาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อต่างๆ มาแต่อดีตกาลก่อนที่ยาเพนนิซิลินและสเตียรอยต์คอร์ติโซนถูกค้นพบนับตั้งแต่สมัยบาลิโลและอียิปต์ (5,000 ปีก่อน) ส่งต่อมาในยุคกรีกและโรม (2,400-2,500 ปีก่อน) และกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคยุโรป ส่วนด้านเอเชียนั้น "ผึ้งบำบัด" เป็นศาสตร์การรักษาโรคที่ใช้ในแพทย์แผนจีนมานานกว่า 3,000 ปีและในยุควิทยาการ
สมัยใหม่ (ช่วง 200 ปีที่ผ่านมา) ประเทศในยุโรปอย่างเยอรมัน ฮังการี ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรเลียละรัสเซียได้มีการค้นคว้าวิจัยคุณสมบัติของเหล็กในผึ้ง อย่างกว้างขวาง "ผึ้งบำบัด " เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพทางเลือกที่ได้รับการยอมรับและขณะนี้ศาสตร์การบำบัดด้วยพิษผึ้ง (การใช้ผึ้งต่อย) ก็ได้รับการยอมรับในระดับสากลในหลายประเทศได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องให้ใช้รักษาคนไข้ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น โดยใช้หลักการเดียวกับการฝั่งเข็ม
ผลการศึกษาทางการแพทย์ผึ้ง สามารถบำบัดปัญหาจากอาการต่างๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดตามข้อ ข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ เช่นอาการนิ้วล็อก อาการปวดเจ็บกล้ามเนื้อ บริเวณต้นแขนขา หรือกระจายตาม บริเวณร่างกายทั่วไป อาการปวดปลายประสาทตามบริเวณร่างกายอักเสบ อาการปวดเส้นประสาทสมอง อาการปวดไมเกรน อาการไข้รูมาติก ชนิดเฉียบพลันและเยื่อบุหัวใจอักเสบ อาการอักเสบจากการผ่าตัดเรื้อรังและเนื้อเยื่อกระดูกอักเสบ อาการปวดรอบวงไหล่จนถึงบริเวณแขน ปัจจุบันเรียกกันว่าออฟฟิตซินโดรม อาการที่เกิดจากผิวหนังอักเสบ การอักเสบทำให้ผิวหนังแห้ง ลอก แข็ง เป็นขุย ตามบริเวณต่างๆ ของร่างกายเช่น โรคสะเก็ดเงิน อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ แขน ขา อาการอัมพาต โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด และอาการปวดเรื้อรังเช่นโรคเก้าท์ รูมาติก รูมาตอยด์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการใช้ผึ้งต่อยเพียงอย่างเดียวนั้น เป็นการกระตุ้นภูมิต้านทานจากภายนอก ซึ่งไม่ถาวรจึงควรต้องรับประทานอาหารเสริมจากผึ้งควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลและเป็นแนวทางที่รักษาสุขภาพแบบระยะยาวและยั่งยืน ดังนั้นการบำบัดโรคด้วยการใช้ผึ้งต่อยควบคู่กับการรับประทานผลิตภัณฑ์ผึ้งจะช่วยรักษาสมดุลและขจัดของเสียในร่างกาย ซึ่งจะนำมาซึ่งความสมดุลของร่างกายโดยรวมไม่ได้เป็นการบำบัดการเจ็บป่วยเฉพาะจุดเพียง อย่างเดียว
อย่างไรก็ดีปัจจัยควบคุมที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการบำบัดด้วย ผึ้งแบบองค์รวมนั้นมีอยู่ 3 ปัจจัย ด้วยกันได้แก่ คุณภาพและความสะอาดของผลิตภัณฑ์ผึ้ง ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บำบัดและสุขภาพพื้นฐานของผู้เข้า รับการบำบัด
จากความน่าสนใจของวิธีการแบบ " ผึ้งบำบัด " ทางบริษัท บีโปรดักส์อินดัสตรี้ จำกัด ต.มะเขือแจ้ อ.เมืองลำพูน โดยเภสัชกรวีระพันธุ์ คุณศิริพร ตันติพงษ์ ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้ง ผู้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผึ้งมากกว่า 30 ปี และได้รับการถ่ายทอดศาสตร์การบำบัดด้วยพิษผึ้ง (Bee Venom Theraph) หรือที่เรียกกันว่าการใช้ผึ้งต่อย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ผึ้งบำบัดและธรรมชาติบำบัดจากสหรัฐอเมริกา ได้เล็งเห็นคุณค่าของผึ้งที่สะอาด ได้คุณภาพและมาตรฐานและมีการวิจัยรองรับนั้นเป็นแนวทางการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันและรักษาสุขภาพแบบธรรมชาติบำบัดที่มีประสิทธิภาพ ยั่งยืนและประหยัด
เภสัชกรวีระพันธุ์ มีความมุ่งมั่นตั้งใจเห็นว่า แนวทางผึ้งบำบัดแบบองค์รวม (Holistic Apitherapy) โดยใช้เหล็กในผึ้ง (Bee products) เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยบำบัดอาการปวดต่าง ๆ และปัญหาสุขภาพหลายอย่างได้โดยไม่ต้องใช้ยาที่เป็นเคมี จึงได้ตั้ง "ศูนย์การเรียนรู้และศึกษาผึ้งบำบัดและผลิตภัณฑ์ผึ้งแบบองค์รวม" (Holistic Apitherapy Center) เพื่อเปิดให้บริการเยี่ยมชมท่องเที่ยวศึกษาบำบัดด้วยผึ้งและผลิตภัณฑ์ผึ้งที่มีคุณภาพระดับสากล ซึ่งใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา มีผู้ที่สนใจและผู้ที่ชื่นชอบการใช้ศาสตร์แห่งธรรมชาติบำบัด รวมถึงผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเข้ามาศึกษาและบำบัดรักษาสุขภาพด้วยการใช้ผึ้งต่อยและผลิตภัณฑ์ผึ้งมากมายและต่างยอมรับว่าได้ผลดี ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
อย่างไรก็ตาม การใช้ผึ้งบำบัดก็มีข้อจำกัด จากการรายงานพบว่าจะไม่ใช้ บำบัดรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและไต กระดูกหัก หญิงตั้งครรภ์ สตรีระหว่างมีประจำเดือน ผู้ที่มีบาดแผลเลือดออกมากและผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง นอกจากนี้จะไม่ทำการบำบัดให้ผู้ป่วยที่ดื่มสุรา หรือมีแอลกอฮอล์ในร่างกายอย่างเด็ดขาด เพราะจะเกิดการแพ้พิษผึ้งและอาจเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ดังนั้น จึง ต้องมีการตรวจสุขภาพและทดสอบการแพ้พิษผึ้งก่อนเข้ารับการบำบัด และทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่ง ตั้ง "ศูนย์การเรียนรู้และศึกษาผึ้งบำบัดและผลิตภัณฑ์ผึ้งแบบองค์รวม" (Holistic Apitherapy Center) มีข้อมูลให้ศึกษาด้วย
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือชมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากผึ้งได้ที่บริษัท บีโปรดักส์อินดัสตรี้ จำกัด ต.มะเขือแจ้ อ.เมือง จ.ลำพูน โทร. 053-558587 , 053-558584
|